เราสามารถซ่อน Selection หรือ ไกด์ไลน์ชั่วคราวได้ด้วยการกดปุ่ม Ctrl + H แล้วกดเหมือนเดิมอีกครั้งเพื่อเรียกกลับมาแสดงเหมือนเดิม การซ่อนไกด์ไลนและ Selection ชั่วคราว 13. เราสามารถเปิดไฟล์ PSD ที่มีหลายเลเยอร์ โดยที่ให้รวมเป็นเลเยอร์เดียวโดยการคลิกปุ่ม Shift + Alt ในระหว่างเปิดไฟล์ ซึ่งโปรแกรมจะทำการรวมเลเยอร์ทั้งหมดให้เหลือแค่เลเยอร์เดียวคล้ายกับไฟล์ JPG (เมื่อทำการแก้ไขไฟล์แล้วคุณจะไม่สามารถกลับไปแยกเลเยอร์เหมือนเดิมไม่ได้แล้ว) เปิดไฟล์ PSD แบบรวมเลเยอร์ 14. การเปิดไฟล์ใน Photoshop นอกจากวิธีการเปิดแบบปกติคือคลิกที่เมนู File – Open หรือ กดปุ่ม Ctrl + O แล้วเรายังสามารถที่จะเปิดโดยการดับเบิ้ลคลิกที่ว่างๆ ตรงกลางหน้าจอโปรแกรมเพื่อเรียกหน้าต่างเลือกไฟล์ และอีกวิธีหนึ่งที่สะดวกที่สุดคือการลากไฟล์จาก File Explorer (ใน Windows) มาวางในตรงที่ว่างๆ ในโปรแกรมได้เลย แต่หากเรามีไฟล์อื่นเปิดอยู่แล้ว เราจำเป็นต้องลากไปวางตรงแถบที่แสดงชื่อไฟล์ที่อยู่ด้านบน ไม่เช่นนั้นจะเป็นการเพิ่มเลเยอร์ของไฟล์ใหม่ให้กับไฟล์ที่กำลังเปิดอยู่ในปัจจุบัน วิธีการเปิดไฟล์ใน Photoshop 15. บางครั้งเราจะเป็นต้องซูมไฟล์งานเข้า-ออกหลายครั้ง เพื่อที่ดูงานแบบโดยรวมหรือแบบใกล้ๆ แต่ใน Photoshop เราสามารถที่จะเปิดไฟล์ๆ เดียวแต่มี 2 หน้าต่างได้ ซึ่งแต่ละหน้าต่างเราสามารถที่จะซูมเข้า-ออกได้ตามต้องการ แต่การแก้ไขไฟล์ใดไฟล์หนึ่งจะมีผลต่อไฟล์ทั้งคู่ การเปิดไฟล์เดียวพร้อมกัน 2 หน้าต่าง 16.
หากพูดถึงโปรแกรมด้านงานกราฟิกหรือโปรแกรมสำหรับตกแต่ง-แก้ไขรูปภาพแล้ว โฟโต้ชอป (Photoshop) ถือได้ว่าเป็นโปรแกรมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากโปรแกรมหนึ่ง เพราะเป็นโปรแกรมที่มีเครื่องมือให้เลือกใช้อย่างมากมาย ซึ่งผู้ใช้สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้อย่างไม่จำกัด ในบทความนี้เราจะมานำเสนอ 20 เทคนิค Photoshop ที่จะช่วยให้คุณทำงานได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น 20 เทคนิค Photoshop ที่ควรรู้ 1. โดยปกติแล้วเราจะเทสีจากจากแถบสี Background โดยการกดปุ่ม Ctrl + delete แต่เราสามารถที่จะเทสีจากแถบสีที่เป็น Foreground ได้ด้วยโดยการกดปุ่ม Alt + delete การเทสีใน Photoshop 2. การเพิ่ม-ลดขนาดของหน้ากระดาษเพื่อเพิ่มพื้นที่ในหารทำงาน โดยปกตอเราสามารถทำได้โดยคลิกที่เมนู Image – Canvas size แล้วทำการใส่ขนาดของหน้ากระดาษใหม่ตามที่ต้องการ แต่เราสามารถที่จะแก้ไขขนาดของหน้ากระดาษโดยการใช้เครื่องมือ Crop แทนได้ ข้อควรระวังคือต้องทำการติกออกหน้า Delete Cropped Pixels เพื่อป้องกันบางส่วนของงานถูกลบโดยไม่ได้ตั้งใจ ใช้เครื่องมือ Crop เพิ่ม-ลดพื้นที่ในการทำงาน 3. การคัดลอกเอฟเฟค(Layer Style) จากเลเยอร์หนึ่งไปเลเยอร์หนึ่งโดยปกติเราสามารถทำได้คือคลิกขวาที่เลเยอร์ต้นฉบับแล้วคลิก Copy Layer Style จากนั้นให้คลิกขวาที่เลเยอร์ที่ต้องการวางเอฟเฟคแล้วเลือก Paste Layer Style แต่อีกวิธีหนึ่งที่สามารถทำได้และสะดวกกว่าคือกดปุ่ม Alt ค้างไว้แล้วคลิกลากที่ไอค่อนเอฟเฟคของเลเยอร์ต้นฉบับแล้วไปวางที่เลเยอร์อื่นได้ตามต้องการ การคัดลอกเอฟเฟคจากเลเยอร์ไปอีกเลเยอร์ 4.
เมื่อได้เงาด้านบนแล้ว เราจะมาใส่เงาด้านล่าง การทำเงาด้านล่างก็จะคล้ายกับทำด้านบน โดยการเลือกเครื่องมือ Rectangular Marquee 11. คลิกลาก Selection คลุมบริเวณด้านล่างของภาพ แล้วนำเครื่องมือ Magic Wand มาคลิก ภายใน Selection แต่บริเวณนอกปุ่ม จากนั้น หด Selection เข้ามา(เหมือนข้อ 7)จะได้ Selectionดังภาพด้านล่าง 13. สร้างเลเยอร์ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เลือกเครื่องมือ Gradient แล้ว เลือกสี Foreground เป็นสีดำ 000000 บน Option Bar เลือกไล่สีแบบ Linear Gradient แล้วเลือก Foreground to Transparent เหมือนข้อที่ 9 จากนั้น ลาก Gradient ลงมาบนภาพดังรูป โดยการลากให้ลากที่ Leyer ที่เราสร้างขึ้นใหม่ (ปุ่ม แก้วของเราจะดูเป็นแก้วหรือไม่จะขึ้นอยู่กับที่เราลากในจุดนื้เช่นกัน) หลังจากนั้น กด Ctrl+D เพื่อยกเลิก Selection จะได้ผลดังรูป 14. หลังจากนั้นปรับ Opacity (ค่าความโปร่งแสง) ของ Layer เงาดำ ด้านล่าง ให้มีค่า ประมาณ 9% หรือ แล้วแต่เราต้องการให้เกิดเงามากน้อยเพียงใด 15. จากนั้นเราจะมาใส่ข้อความ ให้กับเมนูของเรา โดยที่เราเลือกเครื่องมือ Horizontal Type 16. เมื่อเราพิมพ์ข้อความเรียบร้อยแล้ว ให้เรานำ Layer ข้อความ ที่เราพิมพ์ มาไว้ด้านล่าง ของ Layer เงาด้านด้านบน ข้อมความที่เราพิมพ์เข้าไปจะได้อยู่ภายใต้เงาใสของแก้ว 17.
ความทึบของเลเยอร์ หากต้องการเปลี่ยนความทึบของเลเยอร์ปัจจุบันให้รวดเร็วเพียงแค่กดปุ่มตัวเลขเท่านั้น ตัวอย่างเช่น กด 5 = ความโปร่งแสง 50% กด 3 = 30% ฯลฯ แต่ถ้าหากต้องการลดความทึบให้เหลือน้อยกว่า 10 ให้กดตัวเลขสองตัวอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่นการกด 5, 5 อย่างรวดเร็วตามลำดับมันจะตั้งค่าความทึบเป็น 55% (และเมื่อต้องการกลับไปที่ 100% ให้กด 1, 0, 0 อย่างรวดเร็ว) โปรดทราบว่าทางลัดนี้จะไม่ทำงานหากเครื่องมือในกลุ่มที่สองเปืดใช้งาน 9. ซูมเข้าและออก ในการซูมภาพให้กด CTRL และ + หรือ Cmd และ + และเพื่อซูมออกกด CTRL และ – (PC) หรือ Cmd และ – (Mac) 10. แถบเลื่อนแบบ Scrubby ส่วนใหญ่ การตั้งค่าใน Photoshop จะมีแถบเลื่อนเพื่อปรับความชอบของคุณ คลิกและลากชื่อของการตั้งค่าเพื่อใช้แถบเลื่อน Scrubby การเลื่อนไปทางซ้ายหรือขวาจะปรับค่าการตั้งค่าขึ้นหรือลงโดยไม่ต้องเปิดแถบเลื่อน คุณจะทราบว่า Slub Scrubby Slider สามารถใช้ได้เมื่อเคอร์เซอร์ของคุณเปลี่ยนเป็นนิ้วชี้เล็กๆที่มีลูกศรอยู่ทางซ้ายและขวา ถือเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ไม่มีทางลัดใดอยู่ได้นาน อย่างไรก็ตามเมื่อคุณได้จดจำทางลัดเหล่านี้แล้ว คุณจะสามารถทำโปรเจคได้สำเร็จตามเวลาที่บันทึก!
เพื่อเลือกเลเยอร์ที่อยู่ด้านบนสุด กดปุ่ม Alt+, เพื่อเลือกเลเยอร์ที่อยู่ด้านล่างสุด กดปุ่ม Alt+Shift+.
เติมเลเยอร์หรือการเลือกด้วยสี กด CTRL + Backspace (PC) หรือ Cmd + delete (Mac) และเพื่อเติมสีลงในชั้นด้วยสีพื้นหน้าในปัจจุบัน กด ALT + Backspace (PC) หรือ Option + delete (Mac) เพื่อเติมสีเลเยอร์ด้วยสีพื้นหลังปัจจุบัน คำสั่งเดียวกันนี้สามารถใช้เพื่อเติมเต็มการเลือก โบนัส: เมื่อต้องการเปลี่ยนสีเบื้องหน้าและพื้นหลังกลับไปเป็นสีเริ่มต้น (สีดำสำหรับพื้นหน้าและสีขาวสำหรับพื้นหลัง) เพียงแค่กดปุ่ม D 5. ยกเลิกการทำ ไม่จำเป็นต้องไปที่ History palette เพราะแค่กด CTRL + Z (PC) หรือ Cmd + Z (Mac) จะช่วยยกเลิกหนึ่งขั้นตอน การกดปุ่มเหล่านี้จะทำซ้ำอีกครั้ง (หรือนำคุณกลับไปก่อนที่จะเลิกทำ) ถ้าหากต้องการกลับไปไกลกว่าขั้นตอนสุดท้ายใช่ไม่? เพียงแค่กด CTRL + Alt (PC) หรือ Cmd + Option (Mac) แล้วกด Z ทุกครั้งที่กดปุ่ม Z คุณจะเลื่อนไปอีกขั้นหนึ่ง 6. เครื่องมือ Hand Tool ลืมแถบเลื่อนที่ขอบของหน้าต่างเอกสารไปได้เลย หากต้องการเลื่อนไปมาได้อย่างรวดเร็วรอบๆ รูปภาพ เพียงกดค้าง spacebar ไว้เพื่อเปิดใช้งาน Hand Tool ชั่วคราว จากนั้นคลิกและลากด้วย Hand Tool เพื่อย้ายเอกสาร หากต้องการปิดใช้งาน Hand Tool ให้ปล่อย Space Bar 7.
การทำให้รูปภาพแสดงแสดงในรูปข้อความนั้นสามารถทำได้หลายวิธี แต่วิธีที่ง่ายและเร็วที่สุดคือการกดปุ่ม Alt ค้างไว้แล้วคลิกเมาส์ซ้ายที่ตรงกลางระหว่างเลเยอร์ข้อความแล้วเลเยอร์รูปภาพ โดยให้เลเยอร์ข้อความอยู่ด้านบนเลเยอร์รูปภาพ แสดงรูปภาพในข้อความ 20.